จักรพรรดิเชียนตกสวรรค์ - บทที่ 882 ผลกระทบที่เกิดจากการก่อตั้งชางฉองกรุ๊ป
ตอนนั้น หลังจากที่หวางเซิ่งเฉียนและหวางโส่วเหรินพาพรรคพวกออกจากสำนักงานใหญ่บริษัท ตงหวาง กรุ๊ปแล้ว
เพิ่งจะพ้นจากหน้าประตูสำนักงานใหญ่บริษัท ตงหวาง กรุ๊ปเท่นั้น หวางเซิ่งเฉียนก็อาเจียนเลือดออกมา
หวางโส่วเหรินก็ถามด้วยความแตกตื่นว่า “เป็นอะไรมากหรือเปล่า?”
หวางเซิ่งเฉียนสีหน้าเคร่งขรึม ส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ไม่เป็นไร”
“คิดไม่ถึงจริงๆเลย พละกำลังของเจ้าเด็กนี่ ถึงกับแข็งแกร่งได้ขนาดนี้!”
“เพียงแค่พลังแรงกดดันเท่านั้น ฉันก็แทบจะต้านทานไม่ไหวแล้ว!”
ที่แท้ ตอนที่อยู่ต่อหน้าหลินหยุนนั้น สีหน้าของหวางเซิ่งเฉียนที่แลดูผ่อนคลายสบายอารมณ์นั้น เป็นการเสแสร้งขึ้นทั้งนั้น
อีกทั้ง ตอนที่ทุกคนต่างก็คุกเข่าลงเมื่อครู่นี้ มีเพียงหวางเซิ่งเฉียนเท่านั้นที่ยังยืนหยัดยืนอยู่ได้ ภายใต้แรงกดดันของหลินหยุน
เสียดายที่ว่า เขาแข็งขืนไปต่อต้านกับหลินหยุน กลับต้องได้รับบาดเจ็บเพราะสาเหตุนี้
หวางโส่วเหรินพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียดว่า “พละกำลังของเจ้าหนุ่มนี่ ฉันก็เคยได้ยินมาก่อนแล้ว ก่อนหน้านี้ฉันก็เคยเตือนนายแล้วว่าอย่าได้ประมาทดูถูกเขาเป็นอันขาด”
“นายก็ไม่ฟัง ถ้านายเชื่อฉันตั้งแต่แรก ก็ไม่ต้องมาเจ็บตัวแบบนี้แล้ว”
หวางเซิ่งเฉียนพูดว่า “อย่าไปพูดถึงเรื่องนี้เลย พวกเราจะต้องวางแผนขั้นต่อไป ชางฉองกรุ๊ปได้แจ้งเกิดขึ้นอย่างสายฟ้าแลบ สำหรับตระกูลหวางพวกเรามีแต่ผลเสียทั้งนั้น”
“ก็นั่นน่ะสิ ชางฉองกรุ๊ปที่ยังแข็งแกร่งกว่าตระกูลหวางแบบนี้ สำหรับตระกูลหวางพวกเราแล้ว มันเป็นการคุกคามอย่างใหญ่หลวงทีเดียว!” หวางโส่วเหรินขมวดคิ้วพูดด้วยสีหน้าบูดบึ้ง
“กลับกันเถอะ ไปปรึกษากับเจ้าบ้านก่อน ดูสิว่าจากนี้ไปจะทำยังไงต่อ”
“ได้!”
พวกคนตระกูลหวางก็กลับไปยังเมืองหลวง จากนั้นก็รีบเปิดการประชุมฉุกเฉินทันที
คราวนี้หวางจิงหลงเป็นประธานการประชุมด้วยตัวเอง
หลังจากที่ได้ปรึกษากันทั้งวันทั้งคืนแล้ว ผู้บริหารระดับสูงของตระกูลหวางก็ตัดสินใจว่าให้รอดูการเปลี่ยนแปลงเงียบๆไปก่อน
ใช้ความสงบสยบการเปลี่ยนแปลง นี่ก็คือทางเลือกที่ดีที่สุดของตระกูลหวางเท่าที่จะทำได้ในขณะนี้
คฤหาสน์ประธานาธิบดีจีนที่เมืองหลวง
ประธานาธิบดีนั่งฟังการรายงานจากเลขา ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ราวกับว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นอยู่ในความคาดหมายของเขาทั้งนั้น
เลขามองดูประธานาธิบดีที่สีหน้าสงบนิ่ง จึงถามอย่างไม่เข้าใจว่า “ท่านประธานาธิบดีครับ ทำไมท่านไม่รู้สึกเซอร์ไพรส์มั่งเลยเหรอ?”
ประธานาธิบดียิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า: “เซอร์ไพรส์อะไรล่ะ?”
เลขาพูดว่า: “ก็เซอร์ไพรส์ที่ว่าปรมาจารย์หลินถึงกับซ่อมกรงเล็บเอาไว้ล้ำลึกไง! เบื้องหลังถึงกับแอบสะสมพลังอำนาจมากมายขนาดนั้น!”
“ตอนนี้พูดเพียงคำเดียว วงการธุรกิจเกินครึ่งในเมืองจีนก็ไม่มีใครกล้าคัดค้านแล้ว ต้องขอโทษที่ผมไปแล้วไม่น่าฟัง อำนาจอิทธิพลขนาดนี้ยังเหนือกว่าท่านอีกเลย!”
“ฮ่าๆๆ ฉันมีอำนาจอิทธิพลอะไรเหรอ?” ประธานาธิบดีหัวเราะแล้วพูดว่า “ฉันก็เป็นเพียงแค่ตัวแทนที่ปวงชนชาวจีนเลือกมาเป็นผู้แทนเท่านั้นเอง”
เลขาหัวเราะแล้วพูดว่า “ท่านประธานาธิบดีก็พูดเล่นแล้ว ท่านเป็นถึงผู้บริหารระดับสูงสุดของประเทศจีน ยังมีผู้แทนที่ไหนจะมาเทียบกับท่านได้อีกล่ะ!”
ประธานาธิบดียิ้มแต่ไม่พูดอะไร
ผ่านไปสักครู่หนึ่ง เลขาก็ถามขึ้นว่า “ประธานาธิบดีครับ แล้วเรื่องชางฉองกรุ๊ปล่ะ ท่านมีความคิดเห็นยังไงครับ?”
“พวกเราจะต้องไปชี้นำอะไรหรือเปล่าครับ?”
ประธานาธิบดีส่ายหน้า “ไม่ต้องหรอก เรื่องราวในวงการธุรกิจ พวกเราไม่ใช่จะเข้าไปแทรกแซงได้ง่ายๆ”
“ชางฉองกรุ๊ปส่งต่อไปอยู่ในมือของหวางซูเฟิน เป็นการตัดสินใจเลือกทางที่ถูกต้องแล้ว”
“สิ่งที่พวกเราจำเป็นจะต้องทำตอนนี้ ก็ยังคงต้องคอยจับตาดูโลกบู๊โบราณเอาไว้”
“คราวนี้ตระกูลหวางไปทำขายหน้าที่บริษัท ตงหวาง กรุ๊ป คาดเดาว่าพวกเขาจะไม่ยอมเลิกราง่ายๆอย่างแน่นอน”
เลขาพูดว่า “ผมส่งคนไปสืบข่าวมาแล้วครับ ตระกูลหวางดูเหมือนจะเงียบสงบไปหมดเลย คงไม่ใช่เพราะว่าถูกปรมาจารย์หลินทำให้ตกใจจนช็อกไปเลยนะ!”
ประธานาธิบดีสายตาส่องประกายความหลักแหลมออกมา: “ภายนอกดูเงียบสงบ แต่เบื้องหลังใครจะไปรู้ว่าตระกูลหวางคิดจะทำอะไร”
“ทำให้คนที่ไม่รู้เรื่องหลงเชื่อว่า ตระกูลหวางตกใจกลัวแล้ว”
“หลอกให้ศัตรูตายใจก่อน แล้วตลบหลังเอาชนะทันที”
“นี่ก็คือความฉลาดของตระกูลหวางล่ะ”
เลขาพูดว่า “งั้นพวกเราต้องจับตาดูตระกูลหวางหรือไม่ครับ?”
ประธานาธิบดีพูดว่า “ไม่ต้องหรอก คอยจับตาดูโลกบู๊โบราณเท่านั้นก็พอแล้ว”
“ถ้าไม่มีโลกบู๊โบราณแล้ว ตระกูลหวางก็ทำอะไรไม่ได้ทั้งนั้น”
เขตหวงห้ามด้านหลังศาลเจ้าประจำตระกูลเซี่ย นอกชานเมืองหลวง
สิงโตหินยักษ์เก้าตัวนั้น ก็ได้จัดวางเข้าที่เหมือนเดิมแล้ว
แต่ว่า บ่อน้ำที่เหือดแห้งนั้น ตอนนี้ก็ได้หายสาบสูญไปแล้ว
แต่ว่าตรงด้านล่างตำแหน่งเดิมของบ่อน้ำเหือดแห้งนั้น มีหญิงสาวชุดดำคนหนึ่งนั่งขัดสมาธิอยู่บนฟูกรองนั่ง ทั่วทั้งลำตัวส่งกลิ่นอายที่รุนแรงออกมา กำลังดูดซับพลังจากโอสถเม็ดหนึ่งอยู่
หญิงสาวคนนี้ ก็คือสาวชุดดำที่วางค่ายกลเก้าสร้อยตวัดมังกรในเขาชิงเสีย แล้วถูกหลินหยุนทำให้ตกใจถอยหนีไปคนนั้น
การวางค่ายกลเก้าสร้อยตวัดมังกร ต้องใช้เครื่องรางทิพย์ถึงสองครั้งติดต่อกัน ทำให้พลังฝึกฝนที่มีน้อยนิดของเธอ ต้องสูญเสียไปไม่น้อยเลย
ตอนนี้ ก็ได้แต่อาศัยการใช้ยาช่วยฟื้นฟูพละกำลังให้เร็วขึ้น
ชายชราคนนั้นยืนอยู่ด้านข้างอย่างเงียบๆ เมื่อเห็นแล้วก็ขมวดคิ้ว: “คุณหนู ในการฝึกฝนบำเพ็ญตนควรจะเป็นไปตามลำดับขั้นตอนนะ คุณใช้วิธียกระดับพละกำลังให้สูงขึ้นด้วยโอสถอย่างนี้ มันไม่สมควรเลยนะ!”
“ต่อไปถ้าพบกับภัยถึงตัวแล้ว พลังความสามารถของคุณก็ไม่มั่นคง มีโอกาสที่จะพ่ายแพ้มากเลยทีเดียว!”
สาวชุดดำยิ้มอย่างเรียบๆ “เรื่องของวันข้างหน้าค่อยว่ากันก็ได้ วันนี้ถ้าฉันยังไม่รีบเพิ่มพลังการฝึกฝนให้เร็วที่สุดละก็ แล้วเมื่อไหร่จะได้แก้แค้นล่ะ!”
ชายชราถอนหายใจเฮือก ไม่พูดอะไรต่อไปอีก ถึงแม้ใช้เวลาอยู่กับคุณหนูไม่นานนัก แต่เขาก็เข้าใจนิสัยของคุณหนูของตัวเองดี
คุณหนูของเขามีความมุ่งมั่นสูงเกินไป ถ้าไม่ยอมให้เธอแก้แค้นละก็ เกรงว่าต่อไปก็จะกลายเป็นมารหัวใจของเธอตลอดไป
“งั้นต่อไปพวกเราจะทำยังไงดีล่ะ? พละกำลังของหลินหยุน อยู่เหนือความคาดหมายของพวกเราไปมากแล้ว” ชายชราถาม
สาวชุดดำพลางดูดซับพลังของโอสถเข้าไป แล้วขมวดคิ้วที่สวยงามเล็กน้อย
ดูเหมือนว่ากำลังใช้ความคิดในการวางแผนที่จะทำในขั้นต่อไป
ชายชรายืนอยู่ข้างๆอย่างเงียบๆ ไม่พูดอะไรเลย เกรงว่าจะรบกวนสมาธิของหญิงสาว
ผ่านไปสักครู่หนึ่ง สาวชุดดำก็ลืมตาขึ้นแล้วพูดว่า “คุณไปปล่อยข่าวว่า ที่หลินหยุนเก่งกาจได้ขนาดนั้น เป็นเพราะว่าเขาเป็นผู้บำเพ็ญเซียนคนหนึ่ง ในตัวเขามีวิชาฝึกบำเพ็ญเซียนที่แข็งแกร่งกว่าวิทยายุทธ์ของโลกบู๊เป็นร้อยเท่า”
ชายชราตกใจ “อย่างนี้จะดีเหรอ? งั้นแม้แต่ฐานะที่แท้จริงของพวกเราก็ต้องถูกเปิดเผยออกมาด้วยไม่ใช่เหรอ?”
“นักบู๊ชาวจีนต่อจากนี้ไป ต่างก็ได้รับรู้ว่าผู้บำเพ็ญเซียนนั้นยังคงมีอยู่จริง ต่อไปพวกเราก็จะต้องเผชิญกับอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา”
สาวชุดดำพูดด้วยเสียงเข้มว่า “จะไปกังวลอะไรมากมายอีกไม่ได้แล้ว ทำตามที่ฉันบอกก็แล้วกัน”
“เริ่มใช้พวกนักบู๊ไปบั่นทอนกำลังของเขาก่อน ทำให้เขายุ่งอยู่การแก้ปัญหาของตัวเอง รอให้พละกำลังของฉันแข็งแกร่งมากขึ้นก่อน แล้วค่อยวางแผนจัดการกับเขาทีหลัง”
“ครั้งต่อไป ฉันจะต้องทำอย่างไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดได้อีกเลย”
“หลินหยุน บัญชีของพวกเราค่อยๆคิดก็แล้วกัน!”
……
หลินหยุนจัดการเรื่องในสำนักชางฉองเสร็จเรียบร้อยแล้ว ยังไม่ทันจะกลับไปยังคฤหาสน์ตึกเย่วหยาเลย ควีนจินก็เอาข่าวสำคัญมาบอก
“ปรมาจารย์หลินคะ ชั่วพริบตาเดียว ก็มีข่าวลือมาจากโลกบู๊ว่า ฐานะของคุณแท้จริงก็คือผู้บำเพ็ญเซียน”
ควีนจินพูดจบ ใบหน้าที่อยู่ภายใต้ผ้าคลุมนั้น มองไม่ออกว่ารู้สึกอย่างไร แต่ว่า ดวงตาที่อยู่ภายนอกนั้น กลับแสดงออกถึงความประหลาดใจ
ตั้งแต่ที่สาวชุดดำที่ลึกลับคนนั้นปรากฏขึ้นแล้ว หลินหยุนก็เดาออกแล้วว่า ฐานะผู้บำเพ็ญเซียนของตัวเองก็คงปกปิดต่อไปไม่ได้อีกแล้ว
ดังนั้น เมื่อได้ยินข่าวคราวนี้แล้ว หลินหยุนก็ไม่ได้รู้สึกตกใจอะไรเลย
“ถูกต้อง ฉันก็คือผู้บำเพ็ญเซียน” หลินหยุนยอมรับอย่างเปิดเผย
เมื่อก่อนไม่กล้าเปิดเผยฐานะที่แท้จริงของตัวเองออกมา เป็นเพราะว่าตอนนั้นหลินหยุนยังไม่มีพลังความสามารถในการปกป้องตัวเองมากพอ
แต่ว่าตอนนี้ หลินหยุนมีพลังความสามารถในการปกป้องตัวเองได้แล้ว ฐานะความเป็นผู้บำเพ็ญเซียน ก็ไม่จำเป็นจะต้องปกปิดอีกต่อไปแล้ว
ที่สำคัญอีกอย่างก็คือ ความลับสุดยอดของหลินหยุนแท้จริงแล้วไม่ใช่เป็นผู้บำเพ็ญเซียน แต่เป็นการกลับชาติมาเกิด
ประเด็นนี้ นอกจากตระกูลส้งที่เขาได้ถล่มจนหายสาบสูญไปนั้น ก็จะไม่มีใครได้รู้อีกแล้ว
เมื่อได้คำตอบจากหลินหยุนแล้ว ในสายตาของควีนจินก็รู้สึกตกใจเล็กน้อย
จึงถามด้วยความประหลาดใจว่า “อะไรคือผู้บำเพ็ญเซียนคะ? หรือว่านั่นก็คือเทวดาในตำนานที่ร่ำลือในเทพนิยายของชาวจีนเหรอ?”
หลินหยุนนั่งอยู่บนเก้าอี้ จิบน้ำชาไปคำหนึ่ง แล้วพูดอย่างเรียบๆว่า “จะพูดอย่างนั้นก็ได้หรือว่าคุณก็อาจเข้าใจเป็นว่า เป็นซุปเปอร์นักบู๊ที่แข็งแกร่งกว่านักบู๊ทั่วไปหลายสิบเท่าก็ได้นะ”
ควีนจินพยักหน้า “ฉันเข้าใจแล้วค่ะ”
“ถ้างั้นที่เขาลือกันว่าในตัวของคุณมีวิชาฝึกฝนบำเพ็ญเซียนที่แข็งแกร่งมาก ก็เป็นเรื่องจริงด้วยเหรอ?”
“อึม” หลินหยุนพยักหน้า