ประธานจอมหื่นสุดซ่า - ตอนที่ 408
บทที่ 408 คุณคิดจะทำยังไง
ชายชราเป็นคนแรกที่ทำลายความเงียบขึ้นมา เอ่ยบอก “คนที่หนุนหลังลี่จิ่งจากเหตุการณ์ในวันนี้คือตระกูลหลี่ใช่ไหม” พูดจบ เขาก็มองไปที่ลี่โม่อวี่
อีกคนได้ยินดังนั้นจึงพยักหน้า สำหรับตระกูลหลี่เขาควรดำเนินการได้แล้ว หากเป็นแบบนี้ต่อไป พวกเขาคงจะโดนกระทำมากกว่านี้ และซือเซี่ยเองก็ได้รับข่าวมาว่า ตระกูลหลี่กำลังขยายอำนาจอยู่ลับๆ ไม่ป้องกันไม่ได้
เมื่อชายชราได้ยินแบบนั้น ดวงตาก็วาววับ อยู่กับความคิดตัวเอง จากนั้นจึงบอก “โม่อวี่ แกมีวิธีป้องกันจากตระกูลหลี่บ้างหรือยัง”
ถ้าเกิดลี่โม่อวี่ยังไม่ได้ทำอะไรกับตระกูลหลี่ ชายชราตั้งใจจะใช้กองทัพในการกดดันพวกเขา แต่นี่ก็ยังไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาที่สมบูรณ์แบบ
“ไม่ปิดบังทั้งสองคนครับ ผมกับซือเซี่ยเราได้เตรียมการรับมือกับตระกูลหลี่มาสักระยะหนึ่งแล้ว ก่อนหน้านี้เพราะต้องเดินทางไปประเทศMจึงทำให้เสียเวลาไปบ้าง” ลี่โม่อวี่บอกความลับของตัวเองและซือเซี่ยให้พวกเขาฟัง
ชายชราและลี่อานโก๋พยักหน้าอย่างพอใจ ดูเหมือนลี่โม่อวี่ไม่ใช่ไม่ได้เตรียมพร้อม ในเมื่อเป็นแบบนี้พวกเขาก็ไม่เอ่ยอะไรอีก ยังไงซะเรื่องระหว่างตระกูล พวกเขาไม่อาจใช้ทหารของประเทศมาข้องเกี่ยวด้วยได้ ทุกอย่างต้องพึ่งลี่โม่อวี่แล้ว
“เรื่องของลี่จิ่งต้องมอบให้แกจัดการแล้ว ควรจัดการยังไง ไม่ต้องลังเล” ลี่อานโก๋บอก สายตามองไปที่ลี่โม่อวี่
เมื่อได้ยินดังนั้น ก็พยักหน้า แต่เขาสังเกตเห็นความลำบากใจในสายตาของพ่อและปู่
“อีหลินกับหมิงเจ๋ออยู่ที่บ้าน แกวางใจได้ ไม่มีใครอยากอนาคตสั้นมาคิดร้ายกับบ้านเราหรอก” ลี่อานโก๋เอ่ยถึงเรื่องที่ทำให้ลี่โม่อวี่ต้องกังวล ปลอบใจเขาให้ตั้งใจจัดการเรื่องด้านนอก ไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัยของครอบครัว ยังไงซะชื่อเสียงและอำนาจของประธานลี่ก็ยังทำให้น่าเกรงขาม
มองพ่อด้วยความขอบคุณ ลี่โม่อวี่รู้สึกว่าตั้งแต่ที่ตัวเองกลับมาที่บ้านตระกูลลี่ ครอบครัวล้วนใส่ใจเขาเป็นที่สุด ทำให้เขารู้สึกขอบคุณ
ท้องฟ้านอกหน้าต่างบ่งบอกว่าสมควรแก่เวลาแล้ว แสงอาทิตย์ยามเย็นสาดส่องเข้ามายังพื้นกว้าง แม้ว่าหลายอย่างจะไม่เป็นที่น่าพอใจ แต่ภาพงดงามตรงหน้าก็ทำให้จิตใจลี่โม่อวี่ดีขึ้น
เมื่อออกมาจากห้องหนังสือ ลี่โม่อวี่มุ่งตรงไปยังห้องของฉินอีหลินและหลงหมิงเจ๋อ ในเมื่อเขาต้องออกไปจัดการบางอย่างด้านนอก ดังนั้นก็ใช้ช่วงเวลานี้เพื่ออยู่เคียงข้างพวกเขา
……
ลี่จิ่งและชายชุดดำลูกน้องของเขาถูกพามาที่ห้องสอบสวนลับในเขตกองทัพของเมืองตี้ตู รู้ตัวดีว่าตัวเองได้แพ้แล้ว ใบหน้าของลี่จิ่งดูไม่ออกถึงความกดดัน มีเพียงการยอมรับโชคชะตาเท่านั้น
ชายชุดดำถูกแยกออกไปยังอีกห้อง ลี่จิ่งถูกย้ายไปที่ห้องทำงานที่ถูกตกแต่งหรูหรา นายทหารทั้งสองพาเขามานั่งอยู่ที่โซฟา จากนั้นไปยืนอยู่ด้านหลังพร้อมปืนสีดำในมือ
ตรงข้ามโซฟาเป็นโต๊ะทำงานไม้ ชายหน้าตาหล่อเหลาในชุดเครื่องแบบทหารสีเขียว แม้จะดูยังหนุ่ม แต่กลับสง่างามดูแข็งแกร่งไม่ได้อ่อนแอไปกว่าทหารที่อยู่มานานเลย
ทหารหนุ่มมองสำรวจลี่จิ่งที่อยู่ตรงหน้าอยู่แบบนั้น มองเห็นมือของลี่จิ่งที่ยังคงมีกุญแจมืออยู่ ทหารหนุ่มส่งสายตาให้นายทหารด้านหลัง จากนั้นนายทหารก็ปลดกุญแจมือของเขาออก
เมื่อได้รับบัญชามาจากเบื้องบน ให้เขาเป็นคนสืบสวนคนคนนี้ แต่ห้ามเมินเฉยอีกฝ่าย แม้จะคิดว่ามันเป็นงานที่น่าเบื่อ แต่เขาก็ทำตามคำสั่งอย่างเต็มที่
“ขอแนะนำตัวก่อนนะครับ ผมชื่อชิงเสวียน รับผิดชอบในการสอบสวนคุณครั้งนี้ หวังว่าคุณจะให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีนะครับ” ทหารหนุ่มพูดจบก็ใช้สายตาจริงใจมองไปยังลี่จิ่ง
จากนั้นอีกฝ่ายก็ทำหูทวนลมไม่สนใจเขา ราวกับนั่นไม่ใช่กำลังพูดกับเขา ชิงเสวียนใบหน้าไม่เปลี่ยนสี ในเมื่อรับหน้าที่นี้มาแล้วก็ต้องมีฝีมือ ดังนั้นความยากลำบากนี้ไม่ได้คณามือเขาสักนิด
“ผมรู้ว่าคุณไม่เต็มใจที่จะพูด แต่ในเมื่อผมรับผิดชอบสอบสวนคุณในครั้งนี้ ผมก็คงจะปล่อยคุณไม่ง่ายๆไม่ได้ ดังนั้นคุณเตรียมตัวเอาไว้ให้ดีก็แล้วกัน”
ชิงเสวียนรู้ว่าถึงจะใช้ไม้อ่อนต่อไปอีกฝ่ายก็คงไม่ไว้หน้าเขา งั้นเขาก็คงไม่จำเป็นต้องประจบประแจง
หลายปีมานี้มีผู้ต้องหาที่ผ่านเข้ามาให้สอบสวนมากมาย ยังไม่เคยล้มเหลวเลยสักครั้ง ดังนั้นเบื้องบนจึงมอบหน้าที่นี้มาให้เขา
ลี่จิ่งได้ยินดังนั้น จึงยิ้มหยันบอก “ทำแบบนี้ไม่มีผลอะไรกับฉันหรอก ความจริงความลับกับฉันมันมีไม่มากหรอก คนบงการที่พวกแกอยากรู้ ฉันรู้ว่าตระกูลลี่รู้ไปตั้งนานแล้ว”
สำหรับการสอบสวนทางทหารแบบนี้ ลี่จิ่งรู้ดีเป็นที่สุด เพราะยังไงเขาก็เคยใช้ชีวิตในครอบครัวทหารมากว่ายี่สิบปี
“งั้นเหรอ”
ชิงเสวียนได้ยินสิ่งที่เขาบอกก็ตกใจเล็กน้อย เขาดูออกว่าอีกฝ่ายไม่ได้โกหก ความจริงเขาไม่ได้รับรู้สถานะที่แท้จริงของลี่จิ่งด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะยุ่งยากสักหน่อย
อีกทั้งคำพูดของเขาที่กล่าวถึงตระกูลลี่ แน่นอนว่าเขาเองก็รู้ “ตระกูลลี่” ที่พูดถึงนั้นหมายถึงใคร
เมื่อกล่าวถึงเจ้านายของเขา งั้นก็คงจะดีกว่าถ้าเขาขอคำแนะนำ
ส่งสายตาให้นายทหารทั้งสอง ชิงเสวียนก็เดินเข้าไปในห้องข้างๆ เจ้านายของเขาคือรองนายพลคนหนึ่งที่อยู่ข้างกายลี่อานโก๋
เมื่อมีคนรับสายแล้ว ชิงเสวียนจึงเอ่ย “ท่านครับ ความลับของผู้ต้องหาคล้ายกับว่าฝั่งท่านผู้อำนวยการจะทราบเรื่องแล้ว ท่านคิดว่าการสอบสวนจะต้องดำเนินต่อไปอีกไหมครับ”
เสียงมีอำนาจถูกส่งมาจากอีกฝั่งสาย “เป็นแบบนั้นเหรอ งั้นก็ขังเขาเอาไว้ก่อนเถอะ แต่จำไว้ว่าอย่าให้เขาลำบากใจ”
ได้รับคำตอบจากเบื้องบน ชิงเสวียนก็พยักหน้า เขากำลังปวดหัวกับสถานะของอีกฝ่าย แต่ในเมื่อเบื้องบนตอบมาแบบนั้น เขาก็ไม่ต้องสอบสวนต่อไปแล้ว
เมื่อกดวางสาย ชิงเสวียนก็กลับมาที่ห้องทำงานอีกครั้ง มองเห็นใบหน้าไม่แยแสของลี่จิ่ง เขาก็ไม่ได้พูดอะไรมาก
“พาเขาออกไป ขังไว้ที่ห้องขังเบอร์เจ็ด”
ห้องขังเบอร์เจ็ดเอาไว้ขังผู้ต้องหาที่พิเศษหน่อย นายทหารทั้งสองเมื่อได้ยินดังนั้น ก็พาลี่จิ่งออกไป
มองลี่จิ่งออกไปแล้ว ชิงเสวียนก็พ่นลมหายใจออกมาเบาๆ
อีกด้าน รองนายพลที่ได้รับโทรศัพท์จากชิงเสวียน คิดไตร่ตรอง จากนั้นหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ต่อสายหาลี่อานโก๋
รองนายพลท่านนี้ท่าทางดูมีอำนาจน่าเกรงขามในวัยสี่สิบ ความจริงเขารับตำแหน่งรองนายพล ส่วนใหญ่เป็นเพราะเขากับลี่อานโก๋เป็นเพื่อนร่วมรบมาด้วยกัน
เมื่อลี่อานโก๋ขึ้นเป็นนายพลแล้ว ตำแหน่งของเขาก็ถูกขยับขึ้นเช่นกัน เขารู้ถึงสถานะของลี่จิ่ง แต่เรื่องในครอบครัวของท่านนายพล เขาจะยื่นมือเข้าไปแทรกไม่ได้
“อานโก๋ คุณวางแผนจะจัดการกับลี่จิ่งยังไง”
โดยปกติ รองนายพลก็จะเรียกชื่อลี่อานโก๋ตรงๆ นอกซะจากในหน้าที่ถึงจะเรียกนายพลบ้าง และนี่ก็เป็นอีกเรื่องที่ทำให้พวกเขามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน
“ชิงเสวียน ควรจัดการยังไงก็ทำเถอะ”
ลี่อานโก๋ได้รับโทรศัพท์แล้วก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ ลี่จิ่งเป็นลูกของเขา แต่ในเมื่อเขาเลือกเดินทางเส้นนี้ เขาเองก็ช่วยเขาได้”
ในเมื่อเลือกแล้ว ก็ต้องยอมรับผลที่ตามมา