สัญญาร้ายของประธานปีศาจ - ตอนที่ 284
ตอนที่ 284 หนึ่งฝ่ามือที่มาอย่างกะทันหัน
ลู่เหยาขมวดคิ้วขึ้น ยังไม่ทันจะได้เอ่ยปาก เสิ่นหรูเฟิงก็ก้าวขาขึ้นมาข้างหน้าเล็กน้อย เข้าใกล้ตัวเขามากยิ่งขึ้น กดเสียงให้ต่ำลงแล้วเอ่ยปากออกมาว่า “หากหลินวู่ยินยอมที่จะร่วมลงทุนกับผมแล้วก็รองประธานเผย งั้นโอกาสที่จะชนะของพวกเราก็จะมากมายมหาศาลอย่างแน่นอน ประธานลู่ร่วมลงทุนกับเผยลี่เชิน ก็ใช่ว่าจะได้รับการแบ่งผลประโยชน์มาได้เท่าไร”
สีหน้าของลู่เหยาอึมครึมขึ้นมาในชั่วขณะ คิดไม่ถึงว่าเสิ่นหรูเฟิงจะเลื่อยขาเก้าอี้ได้อย่างตรงไปตรงมาขนาดนี้ เขาไม่แม้แต่จะคิด เอ่ยปากปฏิเสธขึ้นมาในทันที “ขอโทษนะครับ ผมไม่ได้มีความคิดเช่นนี้”
พูดจบ เขาก็ยกขาขึ้นเตรียมจะเดินจากไป
เสิ่นหรูเฟิงก้าวขาตามขึ้นมา ชิงก้าวขึ้นมาข้างหน้าก่อนหนึ่งก้าวขวางทางที่เขากำลังจะไป
“ประธานลู่ ไม่รีบร้อน ผมให้เวลาคุณคิดพิจารณา การซื้อขายนี้สำหรับคุณแล้ว มีประโยชน์ไร้โทษ คนปกติไม่มีใครที่จะปฏิเสธ ยิ่งไปกว่านั้น พาร์ทเนอร์ของคุณก็ใช่ว่าจะเป็นเพื่อน เขาเป็นถึงศัตรูหัวใจของคุณเชียวนะ…”
สายตาของลู่เหยามืดครึ้มลง คิดไม่ถึงว่าเสิ่นหรูเฟิงแม้แต่เรื่องที่เขาชอบไป๋เสว่เอ๋อร์ก็ยังจะรู้ ชั่วพริบตาก็รู้สึกผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าร้ายกาจรับมือยากราวกับเสือหน้ายิ้มก็ไม่ปาน ไม่ได้ลังเลอีกต่อไป ลู่เหยาเดินอ้อมตัวเขาไปในทันที
ลู่เหยาเพิ่งเดินมาได้เพียงไม่กี่ก้าว อยู่ๆก็เห็นเงาร่างหนึ่งยืนอยู่ในบริเวณที่ไม่ไกลออกไป คิดไม่ถึงว่าจะคือไปเสว่เอ๋อร์!
เธอกำลังยืนอยู่ตรงนั้นอย่างไกลๆมองมาทางนี้ เห็นได้ชัดว่ามองเห็นเขากับเสิ่นหรูเฟิงคุยกันเมื่อสักครู่นี้
หัวใจของลู่เหยาบีบตัวเข้าหากันแน่น แต่ก็ไม่แน่ชัดว่าเธอได้ยินบทสนทนาระหว่างเขากับเสิ่นหรูเฟิงหรือเปล่า เขารีบเดินเข้าไปในทันที เอ่ยปากขึ้นอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรดีว่า “เสว่เอ๋อร์”
ในสายตาของไป๋เสว่เอ๋อร์มีความเคลือบแคลงใจเล็กน้อย “ทำไมคุณกับเขาถึงอยู่ด้วยกันได้คะ?”
ได้ยินเธอพูดเช่นนี้ ลู่เหยาถึงได้เดาออกว่า ไป๋เสว่เอ๋อร์ คงจะไม่ได้ยินเนื้อหาที่พวกเขาพูดคุยกัน และก็ไม่ได้ยิน “ศัตรูหัวใจ” คำนั้น
เขาวางใจลงเล็กน้อย เอ่ยปากขึ้นเบาๆว่า “บังเอิญพบเข้าพอดี พวกเรากลับไปกันก่อน ผมจะบอกกับคุณให้แน่ชัดสักหน่อยว่าผมกับเขาพูดคุยอะไรกันบ้าง?”
เห็นสีหน้าของลู่เหยานิ่งเฉย ใม่เหมือนว่ากำลังพูดโกหก ไป๋เสว่เอ๋อร์ถึงได้แอบโล่งอกอยู่ในใจ พยักหน้าเล็กน้อย เดินตามเขากลับไปยังโต๊ะอาหารด้วยกัน
หลังจากทั้งสองนั่งลงเป็นที่เรียบร้อย ลู่เหยาก็นำเอาเรื่องเหล่านั้นที่เสิ่นหรูเฟิงพูดเมื่อสักครู่นี้บอกกับไป๋เสว่เอ๋อร์อย่างคงสภาพเดิมไว้ไม่ได้มีการแตะต้องเปลี่ยนแปลง
ฟังที่มาที่ไปของเรื่องจบ ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็อดไม่ได้ที่จะละอายใจขึ้นมาเล็กน้อย “รุ่นพี่ เมื่อสักครู่นี้ขอโทษด้วยค่ะ เป็นฉันที่เข้าใจคุณผิดแล้ว คิดไม่ถึงว่าคุณจะมีหลักการขนาดนี้ เป็นฉันที่เอาความรู้สึกนึกคิดของคนถ่อยมาวัดใจของผู้ที่มีคุณธรรมสูงส่งเอง”
“อย่าพูดขนาดนี้เลย” ลู่เหยาหัวเราะขึ้นมาเล็กน้อย “นี่เป็นหลักการในการทำธุรกิจ ต่อให้เป็นการร่วมลงทุนอื่นๆ เรื่องที่ไม่ควรทำก็ยังคงไม่ควรทำ”
ได้ยินเขาพูดเช่นนี้ ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็ส่งยิ้มให้เขาอย่างปลื้มใจ “งั้นรุ่นพี่คะ เรื่องในคราวนี้ถือว่าฉันติดหนี้บุญคุณแล้วกันนะคะ ต่อไปหากมีอะไรที่ต้องการให้ฉันช่วยเหลือบอกฉันมาได้เลย”
ลู่เหยาก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไรอีก หัวเราะขึ้นมาเล็กน้อยแล้วตอบรับออกไปว่า “โอเคครับ”
ทั้งสองคนรับประทานอาหารได้พอประมาณแล้ว หลังจากเช็คบิลเสร็จ ก็เดินออกจากร้านอาหารไปด้วยกัน หลังจากที่แยกทางกับลู่เหยาแล้ว ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็ดูโทรศัพท์มือถือแวบหนึ่ง คิดถึงว่างานที่ตกค้างก็จัดการไปได้พอประมาณแล้ว จึงได้เรียกรถกลับบ้านในทันที
ยังเดินไม่ถึงหน้าประตูบ้าน ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็เห็นป้าจางที่กำลังเฝ้าอยู่ที่หน้าประตูใหญ่ ยังไม่ทันได้รอให้เธอได้เดินเข้าไป ป้าจางก็ลงจากบันไดเข้ามาต้อนรับก่อนในทันที
เห็นสีหน้าของเธอ ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็รู้สึกไม่ค่อยสบายใจขึ้นมาอย่างประหลาด “เป็นอะไรไปคะป้าจาง?”
“คุณผู้ชายกลับมา หาคุณไม่เจอ โทรหาคุณก็ไม่ยอมรับสาย ก็เลยกลับเข้าไปในห้อง ไม่นานป้าก็ได้ยินเสียงข้าวของแตกกระจายอยู่ข้างในห้อง เขาดูเหมือนจะโมโหมาก คุณรีบไปดูหน่อยเถอะค่ะ!”
พอได้ยินเธอพูดเช่นนี้ เส้นประสาทของไป๋เสว่เอ๋อร์ก็ตึงแน่นขึ้นมา เธอไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย บึ่งไปยังชั้นสองกลับไปที่ห้องนอนภายในทันที
พอผลักประตูเข้าไป สิ่งที่สะท้อนเข้ามาข้างในม่านตาของไป๋เสว่เอ๋อร์ ก็คือเศษแจกันดอกไม้ที่แตกละเอียดอยู่เต็มพื้น ยังมีชายหนุ่มที่สีหน้าเคร่งขรึมเยือกเย็นจนน่ากลัวนั่งอยู่บนโซฟาที่มุมกำแพงห้อง
ไป๋เสว่เอ๋อร์สูดหายใจเข้าเต็มปอด ขมวดคิ้วขึ้นก้าวขาเดินเข้าไปข้างหน้า ยังไม่ทันจะได้เอ่ยปาก ก็ได้ยินเสียงที่ทุ้มต่ำของเผยลี่เชินเอ่ยถามขึ้นมาว่า “ลู่เหยามันมีอะไรดีกันแน่? คู่ควรให้คุณไปเจอมันลับหลังผมครั้งแล้วครั้งเล่า?”
การซักถามที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันเช่นนี้ทำให้สมองของไป๋เสว่เอ๋อร์มึนงงไปชั่วขณะ เธอเพียงแค่ไปทานอาหารมื้อหนึ่งกับลู่เหยาภายใต้กลางวันแสกๆก็เท่านั้นเอง คิดไม่ถึงว่าเขาจะมาซักถามเธอแบบนี้!
ไป๋เสว่เอ๋อร์รู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรมขึ้นมาอย่างประหลาด คิดถึงในวันนี้ที่เธอเห็นเขาอุ้มเหอหย่าหานลงมาจากรถด้านหน้าบริษัทด้วยตาของตนเอง ก็ยิ่งรู้สึกอึดอัดข้างในหัวใจ
เธออดไม่ได้ที่จะยกเสียงขึ้นสูงเอ่ยถามย้อนกลับไปว่า “ฉันเพียงแค่ไปทานอาหารมื้อหนึ่งกับเพศตรงข้าม กลางวันแสกๆและยังคงเป็นสถานที่สาธารณะ ทำไมถึงเป็นแอบไปเจอกับคนอื่นลับหลังคุณได้?”
เผยลี่เชินขมวดคิ้ว เส้นเลือดที่ขมับปูดนูนขึ้น “คุณรู้ดีว่ามันชอบคุณ รู้ดีว่าผมแคร์ที่พวกคุณไปเจอกันตามลำพังมาก ทำไมยังไปพบกับมันโดยที่ไม่บอกผมสักคำ?”
ได้ยินเขาพูดเช่นนี้ ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาอย่างประชดประชัน “งั้นคุณล่ะคะเผยลี่เชิน? คุณทั้งโอบทั้งอุ้มกับผู้หญิงคนอื่นลับหลังฉัน หรือว่าฉันไม่แคร์เลยหรอ?”
ได้ยินเธอพูดเช่นนี้ แววตาของเผยลี่เชินก็มืดหม่นลง ขมวดคิ้วพลางเอ่ยถามออกมาว่า “คุณรู้ได้ยังไง?”
ไป๋เสว่เอ๋อร์กำหมัดแน่น ความโมโหที่อยู่ในใจลุกไหม้อย่างรุนแรง “ทำไมคะ? หากไม่ใช่ถูกฉันเห็นเข้าด้วยตาของตัวเองพอดี คุณก็ไม่คิดที่จะบอกเรื่องนี้กับฉันเลยใช่ไหมคะ?”
“เหอหย่าหานเธอข้อเท้าแพลง ผมไม่อาจจะทิ้งเธออย่างไม่สนใจใยดีได้” ในขณะที่เผยลี่เชินพูด ก็ยืดตัวลุกขึ้น เดินมาด้านหน้าของเธออย่างรวดเร็วภายในทันที
หัวใจของไป๋เสว่เอ๋อร์เยือกเย็น ถอนหลังไปหนึ่งก้าวเว้นระยะห่างจากเขา “งั้นทำไมฉันโทรศัพท์หาคุณกลับเป็นเธอที่รับสาย? เผยลี่เชิน ความบังเอิญทั้งหมดมารวมเข้าไว้ด้วยกัน ก็ไม่ใช่ความบังเอิญอีกต่อไปแล้ว” ในขณะที่พูด ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็หมุนตัวเดินจากไปอย่างไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย ทันใดนั้นอยู่ๆข้อมือก็รัดแน่น ถูกคนดึงเอาไว้อย่างแน่นหนา
เผยลี่เชินเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น “ไป๋เสว่เอ๋อร์ ระหว่างผมกับเหอหย่าหานไม่มีอะไรกันเลยแม้แต่น้อย!”
“คุณมีสิทธิ์อะไรมาให้ฉันเชื่อ?” ในใจของไป๋เสว่เอ๋อร์รู้สึกเจ็บปวด เธอสะบัดมือของเขาออก “หากฉันบอกว่าฉันกับลู่เหยาไม่มีอะไร คุณก็คงจะไม่เชื่อเหมือนกัน!”
เธอผลักเขาออกอย่างแรง ฝืนกลั้นน้ำตาเอาไว้เดินไปทางด้านนอกประตู แต่อยู่ๆก็หนักขึ้นมาบริเวณหัวไหล่ ถูกคนกดไหล่เอาไว้อย่างกะทันหัน
สีหน้าของเผยลี่เชินเคร่งขรึม “ไป๋เสว่เอ๋อร์ อย่าใช้อารมณ์ พวกเรามาคุยกันดีๆ”
“คุณรู้สึกว่าฉันเหมือนกับกำลังใช้อารมณ์หรอ?” ไป๋เสว่เอ๋อร์ยกเสียงสูงเอ่ยถามขึ้นมาอย่างกะทันหัน ชั่วพริบตาสติสัมปชัญญะทั้งหมดต่างไม่เหลืออยู่เลยแม้แต่น้อย ในใจเหลือเพียงแค่ความเจ็บปวดจากการไม่ถูกเชื่อใจกับความผิดหวังที่มีต่อเขา
เผยลี่เชินยื่นมือออกไปกอดเธอเอาไว้ในทันที รัดเธอเอาไว้แน่น ไม่ให้เธอหนีไปที่ไหนอีก “ไป๋เสว่เอ๋อร์!คุณใจเย็นหน่อย!”
“คุณไม่ต้องมาเรียกฉัน!” -ไป๋เสว่เอ๋อร์ราวกับสัตว์ป่าตัวน้อยตัวหนึ่งที่กำลังบ้าคลั่งก็ไม่ปาน ดิ้นรนทั้งเตะทั้งต่อยอยู่ในอ้อมแขนของเผยลี่เชิน อยู่ๆน้ำตาก็ทะลักออกมาโดยไม่รู้ตัว
เห็นสภาพเช่นนี้ของเธอ เผลลี่เชินก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกปวดใจ ความรู้สึกเสียใจในภายหลังเกิดขึ้นภายในส่วนลึกของจิตใจ เสียใจในภายหลังที่เมื่อครู่นี้เป็นเพราะว่าตนเองหึงจึงสูญเสียสติสัมปชัญญะไม่ได้คุยดีๆกับเธอในตอนแรก
“คุณ…คุณปล่อยฉัน!” ไป๋เสว่เอ๋อร์ร้องไห้ส่งเสียงออกมา
มองดูท่าทีที่สูญเสียการควบคุมของหญิงสาว เผยลี่เชินก็หนักอึ้งข้างในหัวใจ ประคองใบหน้าของเธอเอาไว้ จูบลงไปอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อยในทันที
ร่างกายของไป๋เสว่เอ๋อร์แข็งทื่อ เงียบลงไม่ทันถึงสองวินาที เธอก็ยื่นมือออกไป ใช้แรงผลักเผยลี่เชินออก
วินาทีต่อมา เธอก็ยกมือขึ้น “เพี๊ยะ” ฝ่ามือหนึ่งสะบัดไปบนใบหน้าของชายหนุ่มอย่างไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย
วินาทีนั้น ภายในห้องเงียบลงไปอย่างกะทันหัน ไป๋เสว่เอ๋อร์น้ำตาไหลพรากสบสายตากับเผยลี่เชิน ความรู้สึกที่สับสนซับซ้อนต่างๆประดังกันทะลักขึ้นมา
หลังจากนั้นสองวินาที เธอก็กัดริมฝีปากของตนเองแน่น หมุนตัววิ่งออกจากห้องนอนไปในทันที