สัญญาร้ายของประธานปีศาจ - ตอนที่ 322
ตอนที่ 322 คุณพ่อจากไปเสียแล้ว
ไป๋เสว่เอ๋อร์รีบเดินทางจากคฤหาสน์ส่วนตัวไปถึงยังโรงพยาบาลเขตหลิ่งอาน เมื่อเธอไปถึงที่นั่น เธอก็ถูกพาตัวไปยังบริเวณหน้าห้องพักผู้ป่วยขนาดเล็ก ที่ตั้งอยู่ถัดจากห้องฉุกเฉินในทันที
เมื่อหมอที่สวมใส่ชุดขาวเห็นไป๋เสว่เอ๋อร์เข้า เขาก็ถอนหายใจออกมาอย่างแผ่วเบา “ผู้ป่วยประสบภาวะเลือดออกภายในสมองอย่างกะทันหัน เราช่วยเขาอย่างสุดความสามารถแล้วครับ คุณเข้าไปที่ด้านในเพื่อพบเขาเป็นครั้งสุดท้ายเถอะครับ”
เมื่อได้ยินดังนั้น ภายในหัวสมองของไป๋เสว่เอ๋อร์ก็ว่างเปล่าขาวโพลน ภายในหูของเธอมีเสียงพึมพำดังก้องไม่หยุด เมื่อเห็นว่าหมอกำลังจะเดินจากไป ทันใดนั้น หญิงสาวก็ยื่นมือออกมา และคว้าแขนของหมอคนนั้นเอาไว้ “คุณหมออย่าเพิ่งไปค่ะ! คุณหมอโกหกฉันอยู่ใช่ไหมคะ! คุณพ่อของฉันสุขภาพแข็งแรงมากนะคะ เรื่องแบบนี้จะเป็นไปได้อย่างไรกัน! คุณหมอจะต้องช่วยเขาให้ได้นะคะ! ฉันยินดีรอ! ฉันขอร้องล่ะค่ะ คุณหมอ!”
เธอไม่เคยขอร้องหรือพูดอะไรที่ไร้เหตุผลแบบนี้มาก่อน แต่ในตอนนี้ เธอใช้แรงทั้งหมดที่มีไปกับการตะโกนและขอร้อง การตีโพยตีพายขอร้องคุณหมอทั้งหมดนี้กลับมีแต่ความรู้สึกผิดเป็นที่สุดและความรู้สึกที่ไม่สามารถช่วยเหลืออะไรพ่อของเธอได้เลยอัดแน่นท่วมท้นอยู่ภายในหัวใจเท่านั้น
ใบหน้าของหมอเต็มไปด้วยความรู้สึกลำบากใจ เมื่อเห็นไป๋เสว่เอ๋อร์ที่เต็มไปด้วยน้ำตาไหลรินเปื้อนเต็มใบหน้า เขาก็ทำได้เพียงขมวดคิ้วและค่อยๆ ปลอบเธอให้ยอมรับกับความจริงที่เกิดขึ้น “หมอขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งด้วยครับ คุณรีบไปดูหน้าเขาเป็นครั้งสุดท้าย และจัดการเรื่องราวต่างๆ ที่จำเป็นต้องทำในอนาคตให้เร็วที่สุดเถอะครับ”
“ไม่! เป็นไปไม่ได้! คุณพ่อจะมาจากฉันไปแบบนี้ไม่ได้!”
มือทั้งสองข้างของไป๋เสว่เอ๋อร์เต็มไปด้วยแรงมหาศาลอย่างเหลือเชื่อ ไม่ว่าคุณหมอจะพูดอย่างไร เธอก็ไม่อาจที่จะยอมรับความจริงที่กำลังเกิดขึ้นในตอนนี้ได้เลย
เผยลี่เชินเข้ามากอดเธอจากทางด้านหลัง และเอ่ยปากปลอบโยนเธออย่างใจเย็น “เสว่เอ๋อร์ คุณสงบสติอารมณ์ก่อนนะ พวกเราเข้าไปหาคุณลุงกันเถอะ”
“ฉันไม่ไป! พ่อของฉันยังไม่ตาย! พวกคุณอย่ามาหลอกฉันเลย!”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ขัดขืนและดื้นต่อไปไม่หยุด แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่อาจต้านทานความแข็งแรงของชายหนุ่มได้ เธอทั้งร้องไห้และดื้นต่อไป จนในที่สุด เธอก็หมดแรงไปกับการตะโกนร้องไห้เสียงดังด้วยความเศร้าโศกอย่างสิ้นเชิง
ปลายเท้าของเธออ่อนแรงลง และแทบจะยืนตัวตรงไม่ได้เลยสักนิดเดียว เผยลี่เชินจึงโอบร่างของเธอเอาไว้จากด้านหลัง สีหน้าของเขานั้นดูเศร้าสร้อยและเย็นชามากยิ่งขึ้น
อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับไป๋เจิ้งตงทำให้เขาต้องจากไปอย่างกะทันหันแบบนี้ มันช่างเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อเสียจริงๆ
แต่ว่าในตอนนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องทำให้ไป๋เสว่เอ๋อร์ยอมรับความจริงที่เกิดขึ้นนี้ให้ได้
เขาเอื้อมมือออกมา และคว้าตัวของหญิงสาวเข้าไปกอดอย่างแนบแน่น พร้อมกับโน้มตัวไปกระซิบที่ข้างหูของหญิงสาวเพื่อปลอบโยนเธอว่า “มันคือความจริงที่กำลังเกิดขึ้น คุณไม่มีทางที่จะหนีจากมันไปได้! พวกเราไม่มีทางหนีไปได้ ไม่ว่าอย่างไร จะช้าหรือเร็วก็ต้องเผชิญหน้ากับมันนะ”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ส่ายหัวอย่างแน่วแน่ แต่น้ำตาของเธอนั้นกลับไหลรินเอ่อล้นออกมาจากดวงตาของเธอโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุด “ฉันเพิ่งไปหาคุณพ่อมาเมื่อไม่นานนี้เอง ตอนนั้น คุณพ่อยังดูแข็งแรงดีอยู่เลย……”
เธอตั้งตานับวันนับคืนรออย่างนับครั้งไม่ถ้วน และวาดหวังไว้ว่าเมื่อถึงวันที่คุณพ่อของเธอได้ชดใช้ความผิดทุกอย่างจนหมดสิ้นแล้ว ตระกูลไป๋จะได้กลับมาอยู่กันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตาอีกครั้ง ถึงแม้ว่าคุณแม่ไป๋จะทรยศพวกเขาทั้งสองคนไปแล้ว แต่ถ้าเกิดว่าเธอมีโอกาสที่จะโน้มน้าวให้คุณแม่ไป๋กลับมาได้ล่ะก็ ครอบครัวไป๋ก็จะได้กลับมารวมตัวและได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันสามคนพ่อแม่ลูกเหมือนเดิมเสียที แต่ทว่าในตอนนี้ ความจริงที่เกิดขึ้นนั้น กลับทำให้ความคาดหวังครั้งสุดท้ายของเธอต้องหลุดลอยและปลิวหายไปในอากาศ และไม่เหลือโอกาสอะไรให้เธอได้เฝ้ารอต่อไปอีกแม้สักนิดเดียว
เธอไม่มีทางที่จะยอมรับความจริงในตอนนี้ได้ คนที่คอยดูแลและอยู่กับเธอมานานกว่า 20 กว่าปีคนนี้ ตอนนี้กลับไม่สามารถพูดอะไรได้อีกแล้ว เขากลับกลายเป็นเพียงร่างที่ไร้วิญญาณและไร้อุณหภูมิ กำลังนอนรอให้เธอเข้าไปพบหน้าเขาเป็นครั้งสุดท้ายเท่านั้น
“พวกเราเข้าไปหาคุณลุงกันเถอะ” เมื่อเห็นว่าหญิงสาวที่อยู่ในอ้อมกอดของเขาสงบนิ่งลงมากขึ้น เผยลี่เชินจึงเอ่ยปากโน้มน้าวเธออย่างใจเย็น “โลกนี้มีความจริงจำนวนมากที่เราไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้นะ”
ภายในหัวใจของไป๋เสว่เอ๋อร์บีบแน่นมาก เธอกำมือของเธอแน่น แรงทั้งหมดของเธอกลับขึ้นมาอีกครั้ง เธอค่อยๆ ผลักเผยลี่เชินออกไป และเดินตรงไปยังบริเวณหน้าประตูของห้องผู้ป่วยในทันที
ทุกย่างก้าวที่เธอเดินไปนั้นไร้ความมั่นคง แขนทั้งสองข้างของเธอซึ่งห้อยไว้อยู่ที่ข้างลำตัวสั่นเทาเล็กน้อย เธอขบริมฝีปากล่างและรวบรวมความกล้าจนเดินไปหยุดอยู่ที่หน้าประตูของห้องผู้ป่วย
ในตอนที่เธอกำลังผลักประตูห้องผู้ป่วยเข้าไปนั้น เธอยังคงกอดความหวังที่เธอมีเอาไว้เป็นครั้งสุดท้าย แต่ทันทีที่เธอผลักประตูเข้าไป และเห็นร่างที่กำลังนอนอยู่บนเตียงนั้น มีใบหน้าที่ซีดเซียวอ่อนแรงและไร้ซึ่งลมหายใจ น้ำตาของไป๋เสว่เอ๋อร์ก็เอ่อล้นระเบิดออกมาในทันที
ในตอนนั้น เธอต้องยอมรับความจริงที่อยู่ตรงหน้าอย่างช่วยไม่ได้ว่า คุณพ่อของเธอนั้นได้จากไปแล้วจริงๆ
เธอขบฟันของตัวเองอย่างรุนแรงเพื่อกลั้นไม่ให้น้ำตาของตนเองไหลอีกต่อไป จากนั้นไป๋เสว่เอ๋อร์ก็เดินยังไปข้างเตียงด้วยท่าทีที่สงบนิ่งอย่างน่าประหลาด เมื่อเธอกวาดสายตามองไปที่ใบหน้าอันคุ้นตาและคุ้นเคยเป็นอย่างดีนั้น ความโศกเศร้าก็ผุดขึ้นมาภายในหัวใจของเธอแทบจะในทันที
เผยลี่เชินยืนอยู่ที่บริเวณหน้าประตู และค่อยๆ ปิดประตูห้องผู้ป่วยให้สนิทอย่างเบามือ พร้อมกับปล่อยให้พวกเขาทั้งสองคนได้อยู่มองหน้ากันเป็นครั้งสุดท้าย
หลังจากผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมง ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็เดินออกมาจากห้องผู้ป่วยด้วยดวงตาที่บวมช้ำและแดงก่ำ พร้อมกับพยักหน้าเป็นสัญญาณให้กับพยาบาลที่ยืนรออยู่เป็นเวลานาน จากนั้น เธอก็เดินไปข้างหน้าสายตาที่เต็มไปด้วยความเฉยเมย
เผยลี่เชินเดินไปข้างหน้า ขณะที่เขากำลังจะเอ่ยปาก เขาก็ได้ยินเสียงของหญิงถามเขาออกมาว่า “แม่ของฉันยังไม่มาเหรอคะ”
เขาลังเลไปครู่หนึ่ง แต่สุดท้ายก็เลือกที่จะบอกความจริงหญิงสาวไป “ยังครับ”
ลมหายใจที่ฟังดูแข็งแกร่งดีกลับอ่อนแรงลงไปในทันที เท้าทั้งสองข้างของไป๋เสว่เอ๋อร์อ่อนยวบยาบ จากนั้น เธอก็เป็นลมล้มหมดสติไปในทันที
เธอฝันร้ายอย่างหนักอยู่เป็นเวลานาน ภายในฝันนั้นปรากฏภาพของคุณพ่อและคุณแม่กำลังหายไปจากข้างกายของเธอทีละคนอย่างช้าๆ จนในท้ายที่สุดแล้ว แม้แต่เผยลี่เชินที่กำลังยืนอยู่ที่ตรงหน้าของเธอ ก็หายไปไกลจากสายตาของเธอเช่นกัน…
ไป๋เสว่เอ๋อร์กรีดร้องออกมาด้วยความตกใจกลัว ทั่วทั้งศีรษะของเธอนั้นเต็มไปด้วยเหงื่อ เธอลุกขึ้นนั่งบนเตียงและยังคงหายใจหอบแรงอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุดได้
“เสว่เอ๋อร์!”
ทันใดนั้น ที่ด้านหลังมือของเธอก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นมา ไป๋เสว่เอ๋อร์สูดลมหายใจเข้าลึกๆ พร้อมกับหันไปมองด้วยความรู้สึกประหลาดใจ จากนั้น เธอก็เห็นคุณแม่ไป๋ที่กำลังกังวล นั่งอยู่ที่บริเวณข้างเตียงในห้องพักผู้ป่วย
“แม่……”
ช่วงเวลาที่เธอได้เห็นใบหน้าของคุณแม่ไป๋นั้น ความอ่อนแอทั้งหมดที่อัดแน่นอยู่ในตัวของไป๋เสว่เอ๋อร์นั้น ก็ถูกปลดปล่อยออกมาอย่างหมดสิ้น เธอเอื้อมมือออกไปและกอดคุณแม่ไป๋ในทันที และอดไม่ได้ที่จะร้องไห้สะอึกสะอื้นและพูดว่า “คุณพ่อ… คุณพ่อเขา…….”
เรื่องของความเป็นความตายนั้นเป็นเรื่องที่ยากที่สุดที่จะพูดออกไปเสมอ น้ำตาของไป๋เสว่เอ๋อร์ยังคงไหลริน แต่สุดท้ายแล้วเธอก็ไม่อาจที่จะพูดอะไรออกมาได้อีก
คุณแม่ไป๋ยกมือขึ้นมาลูบหลังของไป๋เสว่เอ๋อร์อย่างเบาๆ ภายในจมูกของคุณแม่ไป๋เองนั้นก็รู้สึกแน่นขึ้นมาเช่นกัน “ชะตากรรมของแต่ละคนเป็นตัวกำหนดความเป็นความตาย ความมั่งคั่งและเกียรติยศจะยังคงกู่ก้องดังไปทั่วท้องนภา เสว่เอ๋อร์ อดกลั้นความโศร้าโศกนี้ และก้มหน้ายอมรับในโชคชะตาเถอะนะ”
“แม่ แต่ว่าทำไมจู่ๆ พ่อถึงได้มาจากไปอย่างกะทันหันขนาดนี้……” ไป๋เสว่เอ๋อร์สะอื้นด้วยความเศร้าโศก เธอรู้สึกเหมือนกับว่าเรื่องนี้นั้นคือฝันร้าย ที่ทำให้คนเราไม่อาจที่จะยอมรับความจริงได้ไปสักพักใหญ่เลยทีเดียว
คุณแม่ไป๋ถอนหายใจ “เมื่อกี้แม่ไปถามเจ้าหน้าที่ในเรือนจำมา เขาบอกว่าคุณพ่อกำลังเข้าห้องน้ำ แล้วเกิดไม่ระวังลื่นล้มหัวฟาดพื้น ทำให้เกิดภาวะเลือดออกในสมองขึ้นมา ตอนที่พาพ่อเขามาส่งที่โรงพยาบาล เลือดที่คั่งอยู่ภายในกะโหลกก็มีปริมาณมากเกินไป พอพาพ่อเขาเข้าไปในห้องผ่าตัดได้ก็…ไม่ทันแล้วล่ะ”
จมูกของไป๋เสว่เอ๋อร์รู้สึกแสบขึ้นมา แต่ทว่าเธอก็ยังไม่อาจพูดอะไรออกไปได้ เธอพิงไปที่ไหล่ของคุณแม่ไป๋ และรู้สึกหดหู่เป็นอย่างมาก
คุณแม่ไป๋ลูบหลังของไป๋เสว่เอ๋อร์ พร้อมกับเอ่ยปากโน้มน้าวเธออย่างเบาๆ ว่า “เอาล่ะ เสว่เอ๋อร์ ในเมื่อเรื่องมันเป็นแบบนี้แล้ว พวกเราก็ทำอะไรไม่ได้แล้วล่ะ แทนที่เราจะมัวมานั่งอยู่ตรงนี้และเศร้าสร้อยเสียใจ สู้เรารวบรวมสติและกำลังทำเรื่องที่ต้องทำต่อจากนี้ให้ดีที่สุดเถอะนะ”
ทันใดนั้น ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็นึกอะไรบางอย่างได้ขึ้นมา เธอถอยห่างออกมาจากคุณแม่ไป๋ จากนั้นก็ลุกออกไปจากเตียง และสวมรองเท้าเดินออกไปที่ด้านนอกห้องพักผู้ป่วยในทันที
คุณแม่ไป๋รู้สึกสับสนอย่างมาก “เสว่เอ๋อร์ ลูกจะทำอะไรน่ะ”
“หนูอยากไปเห็นหน้าของเจ้าหน้าที่เรือนจำคนนั้น” ไป๋เสว่เอ๋อร์สวมรองเท้า จากนั้นก็เดินออกไปข้างนอกอย่างไม่ลังเล
“เสว่เอ๋อร์!” คุณแม่ไป๋ลุกขึ้นตามเธอไป และเมื่อเห็นว่าไม่สามารถที่จะหยุดลูกสาวของตัวเองได้ เธอจึงทำได้เพียงถอนหายใจ และปล่อยให้ลูกสาวของเธอนั้นเดินออกไป
เมื่อไป๋เสว่เอ๋อร์เดินออกไป เธอก็เห็นเผยลี่เชินกำลังยืนโทรศัพท์อยู่ที่บริเวณด้านหน้าประตู ทันทีที่ทั้งสองคนสบสายตากัน เผยลี่เชินก็รีบพูดกับปลายสายด้วยเสียงเข้มว่า “ทำตามที่ฉันบอก เอาตามนั้นแหละ”
เมื่อเขากดวางสาย เขาก็เก็บโทรศัพท์มือถือเข้าไป จากนั้น เขาก็เดินตรงไปหาไป๋เสว่เอ๋อร์ทันที “คุณเป็นยังไงบ้าง รู้สึกดีขึ้นบ้างหรือยัง”
ถึงแม้เขาจะเห็นว่านัยน์ตาของหญิงสาวยังคงเป็นสีแดงก่ำ เผยลี่เชินก็มีคำตอบอยู่ภายในใจแล้ว แต่เขาก็ยังอยากที่จะได้ยินหญิงสาวพูดถึงสถานะของเธอในขณะนั้นด้วยปากของเธอเอง
เมื่อเทียบกับเมื่อสักครู่นี้แล้ว ไป๋เสว่เอ๋อร์กลับสงบนิ่งและเงียบขึ้นกว่ามาก เธอเอ่ยปากถามออกไปอย่างเด็ดเดี่ยวว่า “เจ้าหน้าที่เรือนจำคนนั้นอยู่ที่ไหน ฉันอยากพบเขาค่ะ”
เผยลี่เชินรู้สึกลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขายกมื้อขึ้นมาจับมือของหญิงสาวเอาไว้ และพาเธอเดินไปยังด้านหนึ่ง “ผมจะพาคุณไปเอง”
ขณะที่พวกเขากำลังเดินผ่านบริเวณทางเดินยาวของโรงพยาบาลอยู่นั้น ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็มองเห็นผู้ชายในชุดเครื่องแบบคนหนึ่ง กำลังยืนสูบบุหรี่อยู่ที่ระเบียงเล็กๆ ด้านนอก ผู้ชายคนนั้นจะต้องเป็นคนที่ไป๋เสว่เอ๋อร์กำลังตามหาอยู่อย่างแน่นอน
เธอปล่อยมือจากเผยลี่เชิน จากนั้น ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ “ฉันมีเรื่องเล็กน้อยที่อยากจะถามเขาเป็นการส่วนตัวค่ะ”
เมื่อได้ยินดังนั้น เผยลี่เชินก็ขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย จากนั้น เขาก็พยักหน้า และหันหลังเดินจากไป
ไป๋เสว่เอ๋อร์สูดลมหายใจเข้าลึกๆ เมื่อเธอมองเห็นเจ้าหน้าที่เรือนจำคนนั้น เธอก็กำหมัดแน่น พร้อมกับรวบรวมความกล้าและเดินเข้าไปหาเขา “ฉันชื่อไป๋เสว่เอ๋อร์ ฉันอยากจะถามคุณเกี่ยวกับเรื่องของคุณพ่อหน่อยค่ะ”