สัญญาร้ายของประธานปีศาจ - ตอนที่ 341
ตอนที่ 341 เขาติดกับดัก
ไป๋เสว่เอ๋อร์ยิ้มเฝื่อนๆ นิ่งเงียบไม่พูด
แท้จริงแล้วบนโลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอน นับตั้งแต่พ่อเธอประสบอุบัติเหตุจนเสียชีวิต เธอรู้สึกว่าชีวิตเป็นสิ่งมีค่า
เจียงหวั่นหวั่นพูดกับตัวเองเมื่อเห็นไป๋เสว่เอ๋อร์ไม่โต้ตอบ “รอพวกเราไปทำหน้า! พอทำหน้าเสร็จก็ไปกินหม้อไฟ ชีวิตช่างมีความสุข!”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ยิ้ม “ได้ เอาตามที่เธอว่า”
เรื่องที่ยังไม่ชัดเจน เธอวิตกกังวลไปก็เท่านั้น
ไปร้านศัลยกรรม ขณะที่กำลังทำความสะอาดผิว โทรศัพท์มือถือของไป๋เสว่เอ๋อร์ดังขึ้นไม่หยุด
ไป๋เสว่เอ๋อร์หยิบขึ้นมาดู ตอนที่เห็นว่าเป็นชื่อใครที่ปรากฏบนหน้าจอ เส้นประสาทตึงขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
ลู่เหยาโทรศัพท์เข้ามาหาเธอก่อน มันหมายความอะไร
เธอลุกขึ้นนั่ง สีหน้าเคร่งเครียด ไม่สนใจแผ่นมาร์กหน้าที่อยู่บนหน้าของเธอ เดินไปที่ระเบียงเพื่อรับโทรศัพท์ “ฮัลโหล รุ่นพี่”
“ฉันสืบเรื่องคดีล้มละลายของตระกูลไป๋ได้แล้วนะ” เขาลังเลเล็กน้อย “พวกเรามาพบกันหน่อยได้ไหม?”
ลู่เหยาแน่ใจว่าเรื่องนี้สำคัญกับไป๋เสว่เอ๋อร์มาก หากจะคุยกันทางโทรศัพท์สู้คุยกันต่อหน้าจะได้ชัดเจนกว่า
“ได้ บอกที่อยู่ฉันมา แล้วฉันจะรีบไปหาพี่”
หลังจากวางสายโทรศัพท์ ไป๋เสว่เอ๋อร์ดึงแผ่นมาร์กหน้าออก แล้วเดินไปหาเจียงหวั่นหวั่นเพื่อขอโทษเธอ ไม่มีเวลามาอธิบายให้เธอฟัง จากนั้นก็หยิบสิ่งของของเธอแล้วจากไป
เธอเองก็คาดไม่ถึงว่าลู่เหยาจะสืบได้ความรวดเร็วขนาดนี้ เธอเองรู้สึกไม่สบายใจเพียงแค่ได้ยินน้ำเสียงของเขาจากโทรศัพท์
ท้องฟ้ามืดแล้วตอนที่เธอมาพบกับลู่เหยาที่ร้านกาแฟตามที่นัดไว้ ไป๋เสว่เอ๋อร์นั่งตรงข้ามด้วยสีหน้าขาวซีด
เธอหายใจลึก “รุ่นพี่”
ลู่เหยาสีหน้าเคร่งเครียด พูดเบาๆ “เธอเตรียมใจไว้ให้ดีนะ”
ไป๋เสว่เอ๋อร์พยักหน้า สองมือกำแน่นโดยไม่รู้ตัว
ลู่เหยาพูดเบาๆ “ตระกูลไป๋เกิดเรื่องตอนแรกเป็นเพราะมีคนรายงานให้ร้ายคุณลุงไป๋ ต่อมาคุณลุงถูกจับ เป็นข่าวดังไปทั่วเมืองไห่เฉิง ตอนนั้นเธอไม่อยากให้ตระกูลไป๋ล้มละลาย ก็ไปพบกับเผยอี้เพื่อนชายของเธอใช่ไหม?”
ไป๋เสว่เอ๋อร์พยักหน้า
เรื่องนี้เป็นความจริง เธอไปขอร้องเผยอี้ แต่เผยอี้ไม่ยอมช่วยเหลือเธอ จากนั้นเธอก็ได้พบกับเผยลี่เชิน
ลู่เหยาหายใจลึกก่อนจะพูดต่อ “แต่ข่าวที่เธอไปขอร้องเผยอี้เกิดรั่วไหลออกมา ฉันสืบเจอข่าวนี้ ที่จริงแล้วเป็นคนของเผยลี่เชินจงใจปล่อยข่าวนี้ผ่านสื่อ”
ไป๋เสว่เอ๋อร์กำมือแน่น ตอนแรกหลังจากที่ข่าวเธอไปขอความช่วยเหลือจากเผยอี้แล้วถูกปฏิเสธเกิดรั่วไหลออกมา ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นการโจมตีไป๋ซื่ออย่างแน่นอน เพราะธนาคารปฏิเสธที่จะให้กู้เงินไป๋ซื่อเมื่อเห็นข่าวนี้ เธอไม่มีทางเลือก ดังนั้นสุดท้ายถึงไปหาเผยลี่เชิน และเรื่องก็จบลง….
ถ้าเรื่องนี้เป็นความจริง ก็เท่ากับว่าเผยลี่เชินทำกับดักให้เธอตกลงไปตั้งแต่ต้น มองดูเธอค่อยๆ ก้าวตกลงไปทีละขั้นทีละขั้น!
คนที่คิดได้ลึกซึ้งขนาดนี้ ก็เหมือนกับนักล่าที่ภูมิใจในตัวเอง มองดูเหยื่อตกลงไปในกับดักที่ตัวเองเตรียมมาอย่างดี
เธอตัวสั่นอย่างไม่รู้ตัว ไป๋เสว่เอ๋อร์ใคร่ครวญถึงสาเหตุและผลจนแทบพูดไม่ออก
ลู่เหยายื่นมือมากุมหลังมือเธอไว้ด้วยใจที่อบอุ่น “เสว่เอ๋อร์ เธอโอเคนะ?”
ไป๋เสว่เอ๋อร์หายใจลึกๆ สงบอารมณ์ไว้ พยักหน้ารับ “ยังมีอะไรอีกไหม?”
“ยังมี ก่อนที่จะเกิดเรื่องกับคุณลุงไป๋ ไป๋ซื่อและเผยซื่อต่างก็มีข้อพิพาทเรื่องผลประโยชน์ แต่สามารถแก้ไขได้อย่างรวดเร็ว มีคนเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้ ดูเหมือนว่าโครงการที่คุณลุงไป๋ทำอยู่นั้นไปทับซ้อนผลประโยชน์ของเผยซื่อ เขาจึงไปพบเผยลี่เชินเป็นการส่วนตัว สุดท้ายก็บรรลุข้อตกลงร่วมกัน ส่วนรายละเอียด ฉันเองก็ไม่รู้อย่างชัดเจนนัก”
ไป๋เสว่เอ๋อร์หายใจลึกเมื่อได้ยิน คว้าน้ำอุ่นบนโต๊ะมาดื่ม จิตใจค่อยๆ สงบลง
เธอเองก็ไม่รู้แน่ชัดเกี่ยวกับข้อพิพาทผลประโยชน์ระหว่างไป๋ซื่อกับเผยซื่อ แต่ถ้ากล่าวถึงผลประโยชน์ที่สัมผัสได้ของบริษัท เธอเข้าใจอยู่พอสมควร ความสัมพันธ์ระหว่างไป๋ซื่อกับเผยซื่อมีลักษณะขัดกันทางอุตสาหกรรม ภายใต้เงื่อนไขทางการตลาด จึงเป็นการยากที่จะหลีกเลี่ยงสัมผัสทางเศรษฐกิจ
“รุ่นพี่ ความหมายของพี่คือเพราะผลประโยชน์ของเผยซื่อและไป๋ซื่อ ดังนั้นเมื่อตระกูลไป๋เกิดเรื่อง เผยซื่อจึงเข้าไปแทรกแซงใช่ไหมคะ?”
ลู่เหยาพยักหน้าเล็กน้อย “แม้ว่าตอนแรกที่ตระกูลไป๋เกิดเรื่องสาเหตุจะมาจากรายงานนิรนาม แต่ไม่ได้ตัดความเป็นไปได้ที่มิตรทางธุรกิจจะใช้ประโยชน์จากความวุ่นวายนี้”
เขาใช้คำว่า “มิตรทางธุรกิจ” ไป๋เสว่เอ๋อร์ยังไม่เข้าใจสักเท่าไร
ความหวังและความคิดแต่มีอยู่ในใจแต่แรกถูกโจมตีจนพ่ายแพ้ ไป๋เสว่เอ๋อร์พยายามกลั้นน้ำตาไว้ กำมือแน่นจนเล็บฝังเข้าไปในเนื้อ
หลังจากนั้นสักครู่ ไป๋เสว่เอ๋อร์จึงพยักหน้า “ฉันเข้าใจแล้ว”
เรื่องมาถึงตอนนี้ เหตุผลเพียงพอแล้วที่จะพูดอย่างชัดเจนในทุกเรื่อง ว่าผู้ต้องสงสัยก็คือเผยลี่เชิน
เขาเป็นคนทำทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองโดยไม่เลือกวิธีการมาตั้งแต่แรก ส่วนเธอก็ยังมองว่าเขาเป็นคนที่ไม่เหมือนคนอื่น
เพราะไป๋ซื่อขวางทางความเจริญก้าวหน้าของเผยซื่อ ดังนั้นเมื่อไป๋ซื่อเกิดเรื่อง เผยซื่อจึงแทรกแซงอย่างลับๆ เพราะพ่อไม่เห็นด้วยที่จะร่วมทางพร้อมพวกเขา ดังนั้นเผยลี่เชินจึงคิดกำจัดเขาออกไป….
ไป๋เสว่เอ๋อร์น้ำตาร่วงไหลพร้อมเสียงสะอื้นไห้
คาดไม่ถึงว่าชายที่เธอรักสองคน คนหนึ่งคือฆาตกร ส่วนอีกคนคือเหยื่อ
แล้วเธอจะยอมรับได้อย่างไรกัน?
ลู่เหยาเห็นไป๋เสว่เอ๋อร์เป็นทุกข์ เจ็บปวดใจ เขาจึงส่งอาหารแบบพื้นๆ แนะให้เธอกินข้าวก่อน เมื่อเห็นเธอไม่มีอารมณ์จริงๆ จึงจำใจถาม “เสว่เอ๋อร์ ฉันรู้ว่าเธอเสียใจ คืนนี้ไม่ว่าเธอจะทำอะไร ฉันอยู่เป็นเพื่อนเธอ”
ไป๋เสว่เอ๋อร์เงียบไปสักพักหลังจากที่ได้ยิน ทันใดนั้นก็เงยหน้ามองลู่เหยา พูดอย่างจริงจัง “อยู่เป็นเพื่อนดื่มเหล้าได้ไหม?”
ในช่วงเวลานี้ สิ่งเดียวที่จะทำให้เธอผ่อนคลายอารมณ์ คงมีเพียงเหล้าเท่านั้น
ลู่เหยาคิดว่ามันไม่เหมาะสม เขาอยากพูดเตือนสติไป๋เสว่เอ๋อร์ จึงไม่ได้รับปากทันที เขาเงยหน้าขึ้นมองเห็นสายตาเศร้าโศกของหญิงสาว ปกคลุมด้วยหมอกจางๆ ทำให้คนที่เห็นไม่สามารถปฏิเสธคำขอของเธอได้
ลู่เหยาหายใจลึกก่อนจะพยักหน้ารับปาก “ได้ ฉันจะดื่มเป็นเพื่อนเธอ”
ลู่เหยามองหาบริกรที่ว่างอยู่ แล้วพาไป๋เสว่เอ๋อร์ไปเคาท์เตอร์บาร์ที่เงียบสงบ จากนั้นก็ให้บาร์เทนเดอร์ผสมค๊อกเทลอ่อนๆ ให้เธอดื่มหนึ่งแก้ว
เมื่อได้รับค็อกเทล ไป๋เสว่เอ๋อร์นั่งมองสีสันสวยงามของค็อกเทล แต่เธออดไม่ได้ที่จะรู้สึกขมขื่นใจ
เธอยังจำตอนที่เธอไปทำงานต่างเมืองที่หนานไห่กับเผยลี่เชินได้ เธอดื่มเหล้าจนเมามายในร้านเหล้า เผยลี่เชินยังเคยขู่ว่าจะทิ้งเธอไว้ตามลำพัง….
ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาในตอนนั้น ดูเหมือนจะไม่ยุ่งอีนุงตุงนังซับซ้อนเหมือนในตอนนี้
แต่เธอไม่เคยคาดคิดเลยว่า ชายคนที่เธอมีใจให้จะทำให้เธอติดกับตั้งแต่แรก
เธอยกเหล้าขึ้นมาดื่มด้วยหัวใจที่เย็นชา รสชาติหวานเปรี้ยวเผ็ดขมอยู่ในลำคอ ให้ความรู้สึกโล่งใจ เธอยกแก้วดื่มหมดโดยไม่ลังเล
“ขออีกแก้ว”
ลู่เหยาไม่คิดว่าหญิงสาวจะดื่มเหล้าเหมือนดื่มน้ำเปล่า เขาขมวดคิ้ว จับข้อมือของเธอไว้ และพูดอย่างจริงจัง “เธอดื่มอีกไม่ได้แล้วนะ”
ไป๋เสว่เอ๋อร์นิ่งไป ส่งสายตาแสดงความผิดหวัง “รุ่นพี่ แม้แต่พี่ก็ไม่อยากอยู่เป็นเพื่อนฉันแล้วใช่ไหม?”
ลู่เหยาอึ้งเมื่อได้ยินคำพูดนี้ และไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้อีก
ทำไมเขาจะไม่อยากอยู่เป็นเพื่อนเธอล่ะ? เขาแทบอยากจะอยู่เป็นเพื่อนเธอไปตลอด
ผ่านไปไม่กี่วินาที เขาปล่อยมือเธอ แล้วหันไปหาบาร์เทนเดอร์ พูดเบาๆ “ขออีกแก้ว”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ยกมุมปาก แต่สายตายังแสดงความโศกเศร้า เธอถามอย่างเย็นชา “รุ่นพี่ ถ้าพี่เป็นฉัน พี่จะยกโทษให้เขาไหม?”
“เขา” ในความหมายของเธอ ก็คือเผยลี่เชินอย่างไม่ต้องสงสัย