Invincible Divine Dragon's Cultivation System ระบบฝึกฝนมังกรอมตะ - ตอนที่ 410 บุตรชายของผู้นำตระกูลซุน
- Home
- Invincible Divine Dragon's Cultivation System ระบบฝึกฝนมังกรอมตะ
- ตอนที่ 410 บุตรชายของผู้นำตระกูลซุน
“นั่น!.. เขา!…เขาคือ….”
สามคุณชายแห่งเมืองหลี่เฉิงจ้องมองไปที่หวังเสียนและหลานชิงเยว่ด้วยความตกตะลึง
“นี่มันน่าตกใจมากเกินไปแล้ว! ฉันไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าพี่ใหญ่คนนั้นจะกลายเป็นตัวละครระดับมหาราชอำนาจแห่งมณฑลทางตอนใต้ของพวกเรา หมอเทวะหวังแห่งเมืองเจียงเฉิง!”
“พวกเราควรคิดเรื่องนี้ได้มาตั้งนานแล้ว จากข่าวที่ข้าเคยได้รับมาคนอย่างผู้อาวุโสจีหยวนคุนนั้นไม่เคยมีเพื่อนมาก่อน และผู้ที่เคารพนับถือนั้นก็มีเพียงแค่หมอเทวะหวังแห่งเมืองเจียงเฉิงเพียงผู้เดียวเท่านั้น และการที่พี่ใหญ่คนนั้นสามารถนำเม็ดยาจิตวิญญาณระดับสองและระดับสามออกมามอบให้แก่นายน้อยจีเซี่ยงได้ง่ายๆเช่นนี้ก็คงจะไม่มีใครอื่น นอกจากหมอเทวะหวังแห่งเมืองเจียงเฉิง!”
“ฟู่วว! ดวงตาของฉันนี่มันช่างไร้แววเสียจริงๆ สามารถนั่งคุยกับพี่ใหญ่อยู่ได้ตั้งนานแต่กลับไม่ระแคะระคายถึงตัวตนของเขาเลยแม้แต่น้อย!”
หลังจากนั้นพวกเขาทั้งสามคนก็มองไปทางจีเซี่ยงและหวังต้าไห่ก่อนที่พวกเขาจะโค้งตัวและคารวะไปทางหวังต้าไห่
“สวัสดีครับพี่ใหญ่!”
ทั้งสามคนยิ้มและนั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆหวังต้าไห่อย่างสุภาพ
หวังต้าไห่ผงะและตกตะลึงไปชั่วครู่หนึ่ง เขารู้ดีว่ากลุ่มคนรอบๆตัวเขาโดยเฉพาะชายหนุ่มทั้งสามคนที่อยู่ตรงหน้าเขานี้มีภูมิหลังที่แข็งแกร่งกว่าเขาเป็นอย่างมาก เขาจึงรู้สึกทำอะไรไม่ถูกเล็กน้อย
“สวัสดีทุกคน! ฉันชื่อว่าหวังต้าไห่!”
….
“เมื่อครู่นี้เจ้าพูดว่าอะไรนะ!”
ที่โต๊ะพิเศษทางด้านหนึ่งของห้องจัดเลี้ยง เสี่ยวโหย่วลูกพี่ลูกน้องของหวังต้าไห่ กำลังนั่งก้มหน้าด้วยท่าทางที่สำนึกผิดอยู่ตรงหน้าชายชรา และกำลังอธิบายถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในก่อนหน้านี้ ชายชรารู้สึกตกใจเป็นอย่างมากจนหน้าเปลี่ยนสีเขาถึงกับตะโกนถามขึ้นมาอีกครั้งในทันที
ในขณะเดียวกันเขาก็ได้ยินการพูดคุยกันของฝูงชนในห้องจัดเลี้ยง เขาจึงรีบลุกขึ้นยืนและเดินตรงไปที่ส่วนของงานเลี้ยงหลักอย่างรวดเร็ว
เสี่ยวโหย่วค่อยๆเดินตามปู่ของเธอไปด้วยความประหลาดใจ ทันใดนั้นดวงตาของเธอก็เบิกกว้างด้วยความตกตะลึง
“หมอเทวะหวังราชาแห่งเมืองเจียงเฉิง!”
ชายชราพูดพึมพำออกมา ก่อนที่เขาจะหันไปมองหลานสาวของเขาที่เดินตามมาทางด้านหลังแล้วหายใจเข้าลึกๆ
“นั่นคือเด็กหนุ่มที่พวกเจ้าได้ไปสร้างความขุ่นเคืองให้กับเขาใช่หรือไม่? เล่ารายละเอียดทั้งหมดมาให้ปู่ฟังประเดี๋ยวนี้!” น้ำเสียงของชายชราเข้มงวดขึ้นมาในทันที
“ท่านปู่ เรา…พวกเราไม่รู้ว่าเขาเป็นหมอหมอเทวะหวังแห่งเมืองเจียงเฉิง! พวกเราไม่รู้จริงๆ!”
เสี่ยวโหยวส่ายหัวไปมาด้วยความหวาดกลัวและเริ่มพูดถึงเหตุการณ์ทั้งหมดอีกครั้งโดยละเอียด
ใบหน้าของชายชราเปลี่ยนไปอย่างมาก ดวงตาของเขาหันไปมองที่ตำแหน่งของหวังต้าไห่หลานชายของเขาและเขาก็ต้องสะดุ้งตกใจอีกครั้ง
เขาเห็นว่าสามคุณชายแห่งเมืองหลี่เฉิงกำลังพูดคุยอยู่กับหลานชายของเขาด้วยรอยยิ้มกว้าง และยังมีท่าทางคล้ายกับกำลังประจบเอาใจเขาอยู่อีกด้วย
“ต้าไห่และหมอเทวะหวังราชาแห่งเมืองเจียงเฉิง เป็นเพื่อนสนิทที่เรียนอยู่ห้องเดียวกันอย่างนั้นเหรอ?”
ใบหน้าของชายชราค่อยๆ สงบลง และเขาหันไปถามหลานสาวของเขา
“ค่ะท่านปู่! ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของพวกเขานั้นจะดีมากจนเรียกกันว่าพี่น้องได้อย่างสนิทปาก! ท่านปู่คะท่านปู่ช่วยบอกให้ต้าไห่ขอร้องให้หมอเทวะหวังช่วยพูดกับสามคุณชายแห่งเมืองหลี่เฉิงให้ปล่อยพวกเพื่อนๆหนูไปได้ไหมคะ!”
“หุบปากซะ! เจ้ายังพูดจะกล้าพูดเรื่องนี้กับข้าอีกอย่างนั้นเหรอ!”
ชายชราขัดจังหวะคำพูดของเธอโดยตรงและมองดูหลานสาวของเขาด้วยสีหน้าที่เย็นชา
“เจ้าจะให้ข้าไปคุยอะไรได้อีก! พวกเจ้าทั้งหมดพูดจาดูถูกและยั่วยุหมอเทวะหวังแห่งเมืองเจียงเฉิงกันเสียขนาดนั้น! พวกเพื่อนๆของเจ้าคงจะจบสิ้นแล้วล่ะ ส่วนตัวเจ้าเองก็เกือบจะทำให้ตระกูลของเราล่มสลาย หากไม่ใช่เป็นเพราะหวังต้าไห่เป็นเพื่อนสนิทกับหมอเทวะหวังคราวนี้ตระกูลของพวกเราคงจบสิ้นแล้ว ฉะนั้นเจ้าจงรีบกลับไปที่บ้านประเดี๋ยวนี้ หลังจากที่ข้ากลับไปแล้วข้าคงจะต้องขับไล่เจ้าออกจากตระกูล แต่เรื่องนั้นพวกเราจะกลับไปคุยกันทีหลัง!”
“อะไรนะ! ไม่นะท่านปู่ ฮือๆๆ…!”
ลูกพี่ลูกน้องของหวังต้าไห่ทรุดตัวลงกับพื้นพร้อมกับร้องไห้ออกมา เธอมองไปที่ปู่ของเธอด้วยความหวาดกลัว
“รีบกลับไปซะ! ถ้าไม่ใช่เพราะลูกพี่ลูกน้องของเจ้าคราวนี้เจ้าจะต้องอยู่ในรายชื่อที่ทั้งสามคุณชายออกหมายสังหารอย่างแน่นอน!”
ชายชราเหลือบมองหลานสาวด้วยความรู้สึกที่ผิดหวัง หลังจากนั้นเขาก็มองไปที่หวังต้าไห่ด้วยดวงตาที่เป็นประกาย
“ข้าไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเด็กคนนี้จะรู้จักและสนิทสนมกับหมอเทวะหวัง! อย่างน้อยๆ ข้าก็มีหลานชายให้ภาคภูมิใจอยู่อีกหนึ่งคน และดูเหมือนว่าเขาจะมีศักยภาพที่ดีกว่าพ่อของเขามากเลยทีเดียว ฮึๆๆ!”
ชายชรามองไปทางหวังต้าไห่อย่างภาคภูมิใจพร้อมแสดงรอยยิ้มที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขออกมา
….
“จบสิ้นแล้ว! คราวนี้ชีวิตของพวกเราจบสิ้นแล้วจริงๆ!”
เมื่อกลุ่มวัยรุ่นหนุ่มสาวเห็นชายหนุ่มรูปหล่อคนที่พวกเขาเยาะเย้ยเรื่องการแต่งตัว และยังคงพูดจาหยาบคายกับเขาไว้อีกมาก พวกเขาต่างก็รู้สึกสิ้นหวังอย่างแท้จริง
ในครั้งนี้ต่อให้จักรพรรดิเสด็จมาก็คงจะไม่สามารถช่วยชีวิตพวกเขาเอาไว้ได้
พวกเขารู้สึกเสียใจกับการกระทำและคำพูดของพวกเขาในก่อนหน้านี้เป็นอย่างยิ่ง หากว่าพวกเขาไม่ไปยุ่งกับการแต่งตัวและการกระทำของผู้อื่น พวกเขาก็คงจะไม่ต้องเดือดร้อนและสิ้นหวังอย่างเช่นตอนนี้อย่างแน่นอน
ถึงแม้ว่าหมอเทวะหวังแห่งเมืองเจียงเฉิง จะไม่สนใจการกระทำของพวกเขา แต่ด้วยสถานะและความแข็งแกร่งรวมถึงชื่อเสียงของเขาในตอนนี้ ย่อมจะมีผู้คนมากมายที่พร้อมเป็นมือเป็นเท้าจัดการก้อนหินที่มันเกะกะขวางทาง เพื่อสร้างความประทับใจให้กับเขาโดยตรงอย่างแน่นอน
ชีวิตของพวกเขาในตอนนี้นั้นจบสิ้นลงอย่างสมบูรณ์แล้ว
“เสี่ยวเสียน คุณมานานแล้วหรือยัง! พวกเราไปหาที่นั่งกันก่อนเถอะ!”
หลานชิงเยว่ยังคงกอดแขนของหวังเสียนเอาไว้แน่น คล้ายกับว่ากำลังประกาศถึงสถานะความเป็นเจ้าของของเธอกับเขาให้กับทุกคนได้รู้ ในขณะที่กำลังเดินไปยังตำแหน่งทางด้านหน้าสุดซึ่งเป็นส่วนที่นั่งของระดับ VIP
ในขณะที่หวังเสียนและหลานชิงเยว่เดินผ่านไปยังหวังต้าไห่และจีเซี่ยง เขาก็โบกมือให้กับคนทั้งคู่
ใบหน้าของหวังต้าไห่เต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความตื่นเต้น ขณะที่เขาและจีเซี่ยงลุกขึ้นยืนเดินตามหวังเสียนไปส่วนทางด้านหน้าสุดของห้องจัดงานเลี้ยง
ในที่สุดเขาก็รู้แล้วว่าพี่น้องของเขาคนนี้นั้นมีความน่าทึ่งมากขนาดไหน
ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเฒ่าหวังนั้นจะมีชื่อเสียงในแวดวงของชนชั้นสูงมากถึงขนาดนี้
นี่มันเจ๋งมากๆ!
สามคุณชายแห่งเมืองหลี่เฉิงก็รีบลุกขึ้นเดินตามพวกเขาไปด้วยรอยยิ้มที่ตื่นเต้นมากเช่นเดียวกัน
“ชิงเยว่ หมอเทวะหวัง! พวกเธอจะเข้าไปในห้องโถงพิเศษด้านในพร้อมกับลุงด้วยไหม?”
ลุงของหลานชิงเยว่ ที่เคยไปประเทศหินหยกพร้อมกับหวังเสียน เดินเข้ามาถามพวกเขาขณะที่ชี้เข้าไปยังห้องพิเศษที่อยู่ติดๆกับห้องโถงจัดงานเลี้ยง
“ไม่ค่ะ! พวกเราไม่เข้าไปคุณลุงเข้าไปเถอะ! พวกเราจะรออยู่ที่ด้านนอก!”
หลานชิงเยว่ส่ายหัวปฏิเสธ
ลุงของหลานชิงเยว่ยิ้มและพยักหน้า ในตอนนี้นั้นมีหมอเทวะหวังราชาแห่งเมืองเจียงเฉิง คอยอยู่ข้างๆกับหลานชิงเยว่แล้ว เขาจึงไม่ต้องคอยเป็นห่วงอะไรอีกทั้งสิ้น หลังจากนี้เขาจะได้ไปจัดการธุระและสังสรรค์กับเพื่อนฝูงเก่าๆในแวดวงธุรกิจได้อย่างเต็มที่
“คุณหนูหลาน หมอเทวะหวัง เชิญนั่งครับ!”
ทันทีที่หวังเสียนและกลุ่มของพวกเขาเดินไปทางด้านหน้า กลุ่มผู้อาวุโสของตระกูลชนชั้นสูงหลายคนก็รีบยืนขึ้นและเชื้อเชิญให้พวกเขานั่งลง
“ขอบคุณมาก!”
หวังเสียนพยักหน้าพร้อมกับขอบคุณพวกเขา
“ไม่ๆ! พวกเรายินดีมากเลยล่ะครับหมอเทวะหวัง!”
กลุ่มชายวัยกลางคนและชายชราที่อยู่รอบๆ ต่างโบกมือปฏิเสธคำขอบคุณของหวังเสียนด้วยความเกรงใจกันอย่างรวดเร็ว
ในห้องจัดเลี้ยงทั้งหมด สายตาของทุกคนต่างจดจอไปรวมอยู่ที่หวังเสียน เพราะนี่ถือว่าเป็นครั้งแรกที่กลุ่มคนส่วนใหญ่นั้นได้เห็นใบหน้าอันแท้จริงของราชาแห่งเมืองเจียงเฉิง
ด้วยบันทึกประวัติความแข็งแกร่งอันน่าเกรงขามของเด็กหนุ่มผู้นี้ อาจกล่าวได้ว่าคงจะไม่สามารถใช้ชื่อราชาแห่งเมืองเจียงเฉิงได้อีกต่อไป แต่สมควรจะเปลี่ยนเป็นราชาแห่งมณฑลทางตอนใต้แทน
ภายในเขตมณฑลทางตอนใต้นั้นไม่มีใครมีความแข็งแกร่งมากไปกว่าหมอเทวะหวังผู้นี้อีกแล้ว
ชายผู้ร่ำรวยที่สุดที่เป็นผู้นำของตระกูลซุนก็ยังไม่สามารถนำไปเปรียบกับหมอเทวะหวังได้
หวังเสียน, หลานชิงเยว่, หวังต้าไห่, จีเซี่ยงและสามคุณชายแห่งหลี่เฉิง ต่างกำลังพูดคุยกันด้วยรอยยิ้ม
“ฮ่าฮ่าฮ่า!”
หลังจากนั้นไม่นานเสียงหัวเราะอย่างอารมณ์ดีก็ดังขึ้นจากทางด้านหนึ่งของงานเลี้ยง ชายหนุ่มวัยรุ่นสามคนกำลังเดินเข้ามาด้วยท่าทางที่มั่นใจ
ชายหนุ่มคนที่เดินมาตรงกลางนั้นมีผมสีบลอนด์ ดูจากรูปลักษณ์ของเขาแล้วน่าจะเป็นลูกครึ่งต่างชาติ ส่วนชายหนุ่มอีกสองคนที่อยู่ข้างๆ มีลักษณะที่ผอมบางเล็กน้อย พวกเขาทั้งคู่ดูคล้ายกันเป็นอย่างมาก ชายหนุ่มทั้งสามคนพูดคุยและหัวเราะออกมาเสียงดังในขณะที่เดินเข้ามาในห้องโถงของงานเลี้ยง
“ชายหนุ่มที่เป็นลูกครึ่งคนนั้นก็คือลูกชายของผู้นำตระกูลซุน ฉันได้ยินมาว่าเขาเพิ่งกลับมาจากการเรียนต่อที่ต่างประเทศ!”
“ว่ากันว่าลูกชายของเขานั้นยังไม่ได้เข้าร่วมกับสำนักใดๆเลย ฉันไม่รู้ว่านั่นเป็นเรื่องจริงหรือไม่!”
“ฉันเคยได้พบเจอกับเด็กหนุ่มคนนี้มาก่อน! แต่ไม่คิดเลยว่าเขาจะเรียนจบแล้วและกลับมาอยู่ที่ประเทศจีน!”
ฝูงชนโดยรอบ ต่างกระซิบกระซาบพูดคุยกันในขณะที่เขามองไปยังชายหนุ่มลูกครึ่ง
กลุ่มของหวังเสียนก็หันไปมองยังชายหนุ่มทั้งสามคนด้วยเช่นเดียวกัน
และด้วยความแข็งแกร่งของหวังเสียนเขาจึงสามารถมองเห็นระดับความแข็งแกร่งของชายหนุ่มทั้งสามคนได้ในทันที
“หือ? พวกเขาทั้งสามคนถือได้ว่ามีความสามารถมากพอตัวเลยทีเดียว!”
เมื่อรับรู้ถึงระดับความแข็งแกร่งของชายหนุ่มทั้งสามคน หวังเสียนก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
ชายหนุ่มลูกครึ่งคนนั้นดูแล้วอายุไม่น่าจะเกิน 23 หรือ 24 ปี แต่ระดับความแข็งแกร่งของเขานั้นอยู่ในระดับครึ่งขั้นก่อกำเนิดลมปราณ สามารถเทียบได้กับพรสวรรค์ชั้นสูงของโอรสสวรรค์แห่งกองกำลังระดับชั้นศักดิ์สิทธิ์เลยทีเดียว
ชายหนุ่มอีกสองคนก็อายุประมาณ 30 ปี พวกเขานั้นเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับก่อกำเนิดลมปราณขั้นต้นกันแล้ว ถือได้ว่าระดับพรสวรรค์ของพวกเขานั้นก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าชายหนุ่มลูกครึ่งเลยแม้แต่น้อย
“ชายหนุ่มพวกนี้นั้นเป็นสาวกของกองกำลังไหนกันนะ?”
หวังเสียนมองไปยังชายหนุ่มทั้งสามคน ก่อนที่จะพูดพึมพำออกมาเบาๆ
……….